หนีร้อนไป เกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน ดำน้ำ ดูปะการัง หนุกจังฮู้ !


หนีร้อนไป เกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน ดำน้ำ ดูปะการัง หนุกจังฮู้ !  หลีเป๊ะ เกาะงามแห่งอันดามัน จังหวัดสตูล ที่แม้การไปถึงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ทั้งขึ้นเครื่องบิน ต่อรถ ลงเรือ แต่เสียงร่ำลือถึงน้ำใสๆ ปะการังสวยสมบูรณ์ และสารพัดปลาน้อยใหญ่ราวกับตู้อควาเรียม ก็ดึงดูดให้เราหาทริปไปเยือนที่นี่จนได้

เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล



จะไปถึงหลีเป๊ะให้เร็วที่สุดก็ต้องเริ่มต้นที่สนามบินนั่นเอง ไปลงที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ (Hat Yai International Airport) จังหวัดสงขลา ใครเป็นชาวกรุงเทพฯ ก็จองเครื่องรอบเช้าๆ กันได้เลย อย่างทริปนี้เราเลือกเที่ยวแปดโมงเช้า ก็จะถึงหาดใหญ่ประมาณเก้าโมงกว่าๆ จากจุดนี้ก็หารถเพื่อมุ่งหน้าไปยัง ท่าเรือปากบารา ใช้เวลาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งถึง (แต่ทริปนี้เราใช้รถตู้ส่วนตัวนะ นั่งสบายหน่อย)



 ใกล้เที่ยงแล้ว ใครหิวก็แวะหาร้านข้าวระหว่างทางลูบท้องซักนิด เราแวะที่ ร้านทางเลือก ร้านอาหารไทยซีฟู้ด น้ำจิ้มรสแซ่บ ของสดๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะปู หมึก กุ้ง แต่ที่ถูกใจเราเป็นพิเศษจริงๆ กลับเป็น หอยท้ายเภา ราดน้ำยำรสเปรี้ยวหวานนี่แหละ เขาว่าเป็นของดีประจำสตูลเลย ไม่ได้หากินกันได้ง่ายๆ ที่ไหน 



ใครได้แวะต้องสั่งอย่างเดียว! ขึ้นรถออกเดินทางกันต่อ ระหว่างนี้ใครจะนั่งชมวิวหรือนอนพักเอาแรงก็ตามสะดวก (แต่นอนเถอะ) ประมาณชั่วโมงก็จะมาถึงท่าเรือปากบาราแล้ว เสียค่าธรรมเนียมผ่านท่า 20 บาท และค่าเข้าอุทยานอีก 40 บาท 


เกือบลืมบอก ว่าเกาะหลีเป๊ะนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งจะประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ 51 เกาะ สมชื่อคำว่า ตะรุเตา ที่มาจากภาษามลายู แปลว่า มีอ่าวมาก นั่นเอง

 


ระหว่างทางไปขึ้นเรือจะมีร้านรวงของฝากมากมาย ใครจะซื้ออะไรไปกินระหว่างเดินทางก็ดี หรือถ้าซื้อไปฝากก็ค่อยแวะขากลับก็ได้ ของแนะนำก็คือ ขนมผูกรัก ขนมท้องถิ่นเมืองสตูลครับ เป็นแผ่นแป้งทอดห่อไส้ปลาที่ผัดกับเครื่องแกง อารมณ์คล้ายๆ ปั้นขลิบ แต่อันนี้รู้สึกจะได้กลิ่นของความเป็นทะเลเข้มข้นกว่า


จากตรงนี้ก็จะมุ่งหน้าตรงดิ่งไปเกาะหลีเป๊ะเลย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ระหว่างทางเขาก็จะมีการแวะเกาะให้เราได้ขึ้นไปถ่ายรูป ชมทัศนียภาพกัน (ขึ้นอยู่กับเรือที่คุณใช้บริการครับ) เช่น

เกาะตะรุเตา 


อดีตเคยใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ นักโทษการเมือง และแหล่งซ่องสุมของ “โจรสลัดตะรุเตา” ปัจจุบันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันแสนเงียบสงบไปแล้วเรียบร้อย ว่ากันว่าใครชอบเที่ยวแนวธรรมชาติแบบแท้ๆ นอนห้องพักอุทยานไม่ต้องมีแอร์ ขอเชิญที่เกาะนี้ได้เลยครับ นักท่องเที่ยวบนนี้จะเป็นชาวต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่

  เกาะไข่ 


อีกที่ก็คือ เกาะไข่ ที่มีสัญลักษณ์เด่นๆ เห็นกันประจำตามหน้าปกหนังสือท่องเที่ยว ก็คือ “ซุ้มรักนิรันดร” ซุ้มหินธรรมชาติที่โค้งรับกับชายหาดได้รูปทรงสวยงาม ใครไปใครมาต่างก็ต้องแวะชักภาพเป็นที่ระลึกกันทั้งนั้น น้ำทะเลที่นี่ก็ใสดีมากๆ เลย นับเป็นทีเซอร์เล็กๆ ก่อนจะได้ไปเจอของจริงที่หลีเป๊ะ



จากเกาะไข่ก็มุ่งหน้าสู่ หลีเป๊ะ เรือจะจอดบริเวณหาดพัทยา ลงมาปุ๊บจะเจอถนนคนเดินเลย ใครอยากออกมาปาร์ตี้ยามค่ำคืนก็จำโลเคชั่นเอาไว้ได้ ข้อดีก็คือถึงจะมีความครึกครื้น แต่ก็ไม่ได้อึกทึกครึกโครมจนทำลายบรรยากาศของเกาะแม้แต่น้อย อีกอย่าง สัญญาณโทรศัพท์บนเกาะนี้ดีมาก เหมาะกับคนไทยอย่างเรา ที่อยากติดเกาะเหงาๆ แต่ยังคิดถึงโลกโซเชียลอยู่

จัดแจงเก็บข้าวของในโรงแรม พักผ่อนเอาแรงซะนิดหน่อยท้องก็เริ่มร้องหิวขึ้นมา อย่ากระนั้นเลยมุ่งหน้าสู่ถนนคนเดิน Walking Street เลยดีกว่า เดินเล่นหาร้านไปเรื่อยๆ เราก็มาหยุดที่ ร้านรักษ์เล ร้านขึ้นชื่อของแถบนี้ มีอาหารทะเลสดมาปิ้งย่างให้เห็น ยั่วน้ำลายกันสุดๆ จนต้องเลี้ยวไปเจิม

 

 จบจากของคาวต่อกันที่ของหวาน กับร้าน เตอร์บิลัง ต้นตำรับโรตีชาชัก ที่คนมายืนรอกันเต็มหน้าร้าน ที่นั่งในร้านก็แน่นตลอด จะสั่งอะไรให้เขียนใส่กระดาษทุกครั้ง จำออเดอร์ของตัวให้แม่นๆ เพราะลูกค้าเยอะอย่างนี้มีหลุดมีพลาดคิวกันแน่นอน แต่การรอคอยก็ถือว่าคุ้มค่า โรตีรสดีทุกหน้า โดยเฉพาะรสต้นตำรับที่ทอดออกมากรุบกรอบ หอมกลิ่นเตาสุดๆ ด้านโรตีชาชักที่นอกจากบังจะชงให้เราดูอย่างสนุกสนานแล้ว รสชาติยังกลมกล่อม ไม่หวานแสบคอ หอมชามากๆ อีกด้วย

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้